หากพูดถึงการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์นั้น  งานนี้ค่ายเชฟโรเล็ตจัดมาแบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะ New  Chevrolet  Tralbezer   2.5 L VGT  ที่มาพร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท กับเปิดแอร์อัตโนมัติ  ที่สำคัญรูปโฉมหน้าตาปรับใหม่หมด ภายในตกแต่งทันสมัยกว้างนั่งสบาย  ส่วนขุมพลังดีเซล 2500 ซีซี.พ่วงเทอร์โบ ซึ่งเป็นบล็อกเดิมแต่ปรับเพิ่มเติม ให้กำลังเต็มที่ถึง 180 แรงม้ากับเกียร์อัตโนมัติแบบ  6 สปีด ที่สามารถเรียกกำลังให้ออกมาตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ และช่วงล่างหนึบแน่นลงตัว



ปรับโฉมหน้าเท่เต็มคัน 

     รูปโฉมภายนอกด้านหน้าของเทรลเบลเซอร์ใหม่ ดูแล้วไม่ต่างจากรถกระบะโคโลราโดใหม่ โดยไฟหน้ามาในทรงเหลี่ยม แต่ยังคงเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ฮาโลเจนและทุกรุ่นมีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติให้มาด้วย พร้อม Daytime Running Light แบบ LED ที่มาเสริมให้สวยยิ่งขึ้น และไฟหน้าออกแบบรับกับกระจังหน้าคู่โครเมี่ยม ตกแต่งด้วยแถบคาดสีเดียวกับตัวรถ พร้อมสัญลักษณ์โบว์ไทอยู่ตรงกลาง และกันชนหน้าฝังไฟตัดหมอกทรงกลม 



     ขณะที่กระจกหน้าต่างยังออกแบบให้หนาขึ้น ซึ่งช่วยให้ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่  ส่วนรูปทรงตัวถังตั้งแต่ช่วงกลางไปจนถึงด้านท้ายแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่เปลี่ยนล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์ตัว V แบบ 6 ก้านที่ขนาด 18 นิ้ว ออกแบบให้ดูเท่ยิ่งขึ้น ซึ่งน่าโดนใจใครหลายคน และมาพร้อมยางขนาด 265/60 R18  ส่วนไฟท้ายยังคงเป็นแบบ LED ทรงเดิม และบริเวณด้านล่างของกันชนถูกติดตั้งเซ็นเซอร์กะระยะไว้ทั้งหมด 4 จุด



ภายในทันสมัยกว้างสบาย

    เมื่อเข้ามาดูภายในห้องโดยสารได้รับออกแบบใหม่ให้มีความประณีตหรูหรามากขึ้น ไม่ว่าเป็นแผงคอนโซลหน้าใหม่ที่ดีไซน์ให้ดูแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมช่องแอร์ทรงเหลี่ยมแนวตั้ง กับช่องเสียบที่วางแก้ว เพื่อช่วยรักษาความเย็นของเครื่องดื่มไปในตัว และปรับตำแหน่งของสวิทช์เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ที่ต้องปรับปรุงเห็นจะเป็นตัวเลขแสดงตำแหน่งเกียร์บนมาตรวัด ซึ่งมีขนาดเล็กมากไม่สังเกตุมองแทบไม่เห็น  



     ขณะที่คอนโซลกลางที่ช่องแอร์ได้ปรับแต่งขอบด้วยโครเมียม   พร้อมกับติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ MyLink ขนาด 8 นิ้วที่มีระบบนำทางในรุ่นท็อปสุด รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้สามารถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ ขณะที่เครื่องเสียงชุดนี้มาพร้อมลำโพง 7 จุดรอบคัน ให้ระบบเสียงแบบพรีเมี่ยม ยกเว้นรุ่นล่างสุดจะเป็นลำโพง 4 จุด และระบบเสียงแบบธรรมดา  



      ส่วนพวงมาลัยแบบมัลติฟังชั่นยังคงเป็นสไตล์ 3 ก้านดีไซน์เดิมแต่มาในแบบพวงมาลัยไฟฟ้า  โดยปุ่มควบคุมด้านซ้ายใช้สำหรับระบบเครื่องเสียง มีปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ กับปุ่มสั่งงานด้วยเสียง SIRI มาให้ และด้านขวาเป็นปุ่มระบบ Cruise Control และปุ่มควบคุมระบบเตือนการชนด้านหน้า รวมถึงตกแต่งแผงข้างประตูใหม่ และปรับลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร    

ขับสนุกเต็มกำลังช่วงล่างแน่น  

     มาที่ขุมพลังเครื่องยนต์ของเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที กับแรงบิด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด



     เริ่มการทดสอบ New Chevrolet   Trailblazer   การสตาร์ทเครื่องด้วยรีโมทกดปุ๊บติดปั๊บ พร้อมกับระบบปรับอากาศที่ทำงานขึ้นเองโดยอัตโนมัติ  ซึ่งฟังชั่นนี้ถือเป็นจุดขายให้กับรถรุ่นนี้   จากนั้นเมื่อเปิดประตูเข้าไป กระจกหน้าต่างจะลดระดับลงเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถปิดประตูได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ค่ายเชฟโรเลตใส่ใจเช่นกัน 

      ในการขับทดสอบ New Chevrolet   Trailblazer  นั้นช่วงแรกเป็นเส้นทางมอเตอร์เวย์ รับรู้ได้ตั้งแต่ออกตัวว่ากำลังดีตั้งแต่ต้นต้น และยิ่งเป็นถนนโล่งสามารถทำความเร็วได้ จึงทำให้ขับเร่งความเร็วไปที่ 100 กม./ชม.ที่ 1600 รอบได้ง่ายๆ และสามารถเรียกกำลังให้ออกมาอย่างต่อเนื่องได้ทันที เพราะเป็นช่วงที่รถกำลังลอยตัวพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดที่สามารถทำงานเปลี่ยนจังหวะได้อย่างราบรื่น 



     ในการเปลี่ยนเกียร์นั้นต้องบอกว่าทำได้ดี นุ่มนวลจนเกือบจะไร้รอยต่อ และไม่นานก็สามารถแตะความเร็ว 120 กม./ชม. ได้เพียงชั่วอึดใจ โดยที่เสียงเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์ที่หลายคนอาจบอกว่าค่อนข้างดังโดยเฉพาะเวลาเร่งเครื่อง คราวนี้ได้รับใส่ใจมากขึ้นด้วยการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงบริเวณฝาลูกสูบ ซึ่งช่วยให้เสียงเงียบขึ้น แต่ก็อยู่ในระดับเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ไม่ได้ถึงกับเงียบมาก 


 
    ระหว่างจะใช้ความเร็วยืนพื้นอยู่ประมาณ 100-120 กม./ชม ที่ 1900 รอบต่อนาที เรียกว่าขับแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบมาก หรือจะเร่งแซงรถคันอื่นก็ทำได้ง่าย แค่กดคันเร่งเพิ่มความเร็วมาทันที  และยิ่งเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าที่แปรผันน้ำหนักตามความเร็วรถ แต่ให้น้ำหนักกำลังเหมาะมือทำให้หมุนได้คล่องไปตามทิศทางอย่างที่ต้องการเช่นเดียวกับช่วงความเร็วต่ำที่หมุนได้เบามือจริงๆ   

     จากนั้นบางช่วงสามารถเร่งสปีดขึ้นจาก 100 กม./ชม.ขึ้นไปถึง 140 กม./ชม.ที่ 2,200 รอบต่อนาทีด้วยเวลาเพียงแป๊ปเดียว และแม้จะใช้ความเร็วระดับนี้แต่ช่วงล่างของรถรุ่นนี้ยังคงให้การทรงตัวที่นิ่งไม่มีอาการหวิวให้รู้สึกเลย ช่วยให้มั่นใจในการขับมากยิ่งขึ้น  หรือในช่วงความเร็ว 120 กม./ชม.ยังสามารถเก็บเสียงที่เข้ามาภายในได้ดีกว่าเดิม เพราะได้เพิ่มวัสดุซับเสียงในหลาย ๆ จุด    



     ตามเส้นทางที่ผ่านไปมีหลายช่วงที่ต้องเจอกับถนนขุรขระหรือรอยต่อของถนน   ซึ่งบางครั้งไม่สามารถหลบหลีกได้ทำให้ต้องขับผ่านไป แต่ด้วยช่วงล่างที่เซ็ทมาดีกว่าเดิม จึงทำให้การซับแรงสะเทือนทำได้ดียิ่งขึ้น ไม่รู้สึกกระเทือนเท่าไหร่  แต่ก็ไม่นุ่มนวลมาก เรียกว่าพอเหมาะกับรถประเภทนี้ เช่นเดียวกับทางโค้งที่มีลองพอสมควร แต่หายห่วงสามารถทรงตัวและเกาะถนนในโค้งได้ดีทีเดียว 

     อีกหนึ่งจุดเด่นคือเสริมระบบความปลอดภัยมากมาย ซึ่งกลายเป็นออพชั่นจำเป็นไปแล้วสำหรับยานพาหนะยุคใหม่ อาทิ ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา ทั้งกระจกซ้ายและขวา ช่วยได้มากเมื่อฝนหนาเม็ดหรือขับขี่ยามค่ำคืน ช่วยให้การเปลี่ยนเลนทำได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับระบบเตือนการชนด้านหน้า ซึ่งเวลาขับเข้าไปใกล้รถคันหน้ามากเกินไปก็จะมีสัญญาณแจ้งเตือนให้รู้ 



     และปิดท้ายด้วยระบบแจ้งเตือนการจราจรขณะถอยหลัง ทุกครั้งที่ถอยหลังออกจากซองจอด โดยมีรถขนาบทั้งสองข้าง ซึ่งทำให้มองไม่ค่อยเห็นรถทางด้านหลัง แต่หายห่วงหากมีรถกำลังวิ่งมาจากด้านใดระบบจะส่งสัญญาณทันที และใช้งานร่วมกับกล้องมองขณะถอยหลัง  

     สรุปโดยรวมแล้วเชฟโรเล็ต เทรลเบเซอร์ใหม่  เป็นรถอเนกประสงค์อีกรุ่นที่น่าจับตามองด้วยมีจุดขายในหลายด้านทั้งรูปโฉมด้านหน้าที่เท่    ภายในออกแบบรับรูปทรงภายนอกพร้อมความหรูทันสมัยมากขึ้น และที่สำคัญขุมพลังดีเซลบล็อกนี้ มีพละกำลังให้ขับสนุกได้  พร้อมกับช่วงล่างที่ประสิทธิภาพครบถ้วนเมื่อเทียบกับรุ่นท็อปสุด 2.5L VGT 4x4 AT LTZ ราคา 1,479,000 บาท จัดว่าเหนือกว่าคู่แข่ง